ปัจจุบันเป็นยุคของเทคโนโลยี เป็นยุคของคอมพิวเตอร์และข้อมูล ดังนั้นสิ่งหนึ่งที่สำคัญนั่นก็คือเรื่องของการขนส่งข้อมูล โดยเฉพาะในองค์กรใหญ่ที่เชื่อมถึงกันและเดินหน้าด้วยอินเตอร์เน็ต นอกจากความเร็วของอินเตอร์เน็ตแล้ว เรื่องของความเสถียรก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะไม่ว่าต่อให้อินเตอร์เน็ตจะเร็วและแรงสักแค่ไหน แต่ถ้าขาดความเสถียรก็ไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เปรียบเสมือนขับรถเฟอรารี่ที่ติดๆดับๆ นอกจากจะไม่ได้งาน ส่งผลกระทบไปทั้งระบบแล้ว ยังพาลแต่จะให้อารมณ์เสียกันเปล่าๆ
และความเสถียรของระบบการขนส่งข้อมูลนั้นก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยด้วยกัน ปัจจัยหนึ่งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือคุณภาพของสายสัญญาณที่ใช้ในการขนส่งข้อมูล ในปัจจุบันนั้นชนิดของสายสัญญาณที่นิยมใช้ก็คงหนีไม่พ้นสาย LAN และสาย Fiber Optic ลองมาดูกันว่าสายแต่ละชนิดคืออะไร มีข้อดีข้อจำกัดอย่างไร และเหมาะกับการใช้งานประเภทไหน
สาย LAN หรือที่เรียกชื่อเต็มๆว่า Local Area Networkจึงหมายความว่าเป็นสายที่ใช้สำหรับการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ภายในเครือข่ายเดียวกัน เราอาจจะคุ้นเคยกับการต่อ Wireless หรือที่เรียกว่า WIFI กันมากกว่า เนื่องจากไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสาย แต่ในความเป็นจริงแล้วการเชื่อมต่อผ่าน Wireless จะทำให้คุณภาพของสัญญาณลดลง ใช้ความเร็วได้ไม่เต็มที่ ยิ่งออกห่างจากต้นกำเนิดสัญญาณก็ยิ่งขาดความเสถียร เนื่องจากมีสัญญาณรบกวนสูง แตกต่างจากการเชื่อมต่อแบบสายอย่าง LAN ที่เป็นการส่งข้อมูลผ่านสายโดยตรง โดยสาย LAN มีหลากหลายประเภทและหลายคุณสมบัติแตกต่างกันไป แต่ที่นิยมใช้ในปัจจุบันคือสาย UTP (Unshielded Twisted Pair)เนื่องจากมีราคาไม่สูงนักและติดตั้งได้ง่าย มีความยืดหยุ่น แต่ก็มีข้อจำกัดคือไม่สามารถเชื่อมต่อได้ไกลเกิน 100 เมตร และที่สำคัญคือด้วยความที่มีสายเป็นกายภาพและด้วยตัวสายก็ไม่ได้เปลือกหุ้มอีกชั้น ทำให้ยังคงได้รับสัญญาณรบกวนได้ง่าย รวมไปถึงอาจจะมีความเสียหายของสายทั้งภายในภายนอกจากปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญสำหรับการใช้สาย LAN คือการทดสอบสาย LAN ว่ายังคงมีคุณภาพและใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพอยู่เสมอ
ส่วนสายอีกชนิดเป็นสายชนิดใหม่ที่เริ่มได้รับความนิยมสูง คือสายใยแก้วนำแสง หรือที่เรียกกันว่าสาย Fiber Opticซึ่งมีลักษณะคล้ายสาย LAN คือเป็นการส่งข้อมูลผ่านสายโดยตรงจริงๆ แต่มีคุณภาพสูงกว่า กล่าวคือสามารถส่งข้อมูลด้วยความเร็วที่สูงกว่า ไกลกว่า มีสัญญาณรบกวนที่น้อยกว่ามาก ทำให้มีความเสถียรที่สูงกว่า เหมาะกับงานที่ต้องใช้การส่งข้อมูลจำนวนมากและระยะทางไกล แต่ก็ต้องแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าสาย LAN หลายเท่าเช่นเดียวกัน รวมไปทั้งยังจำเป็นต้องให้ช่างผู้เชี่ยวชาญในการรับเดินสาย Fiber Optic เป็นผู้ติดตั้ง เพราะต้องอาศัยประสบการณ์และเครื่องไม้เครื่องมือเฉพาะทาง การเดินสายข้อมูลนั้นจึงเป็นงานที่ไม่สามารถตัดสินได้ด้วยราคาถูก เพราะหากเลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ รวมถึงช่างที่มีราคาถูก สุดท้ายอาจจะต้องลงเอยด้วยการซ่อมและแก้ไขอย่างไม่รู้จบ ดังนั้นจึงควรพิจารณาเรื่องของคุณภาพของอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับลักษณะงาน และคุณภาพของบุคลากรที่สามารถจัดการงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงจะเรียกว่าคุ้มค่าอย่างแท้จริง